Review: Ryuu to Sobakasu no Hime
【เรื่องย่อ】
ต้นปี 2022 นี้ ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของ “U”
โลกอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ที่มีผู้ใช้งานถึง 5 พันล้านบัญชี และยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้
และสิ่งนั้นทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นผลงานล่าสุดของผู้กำกับยอดฝีมือ “มาโมรุ โฮโซดะ” ที่เคยฝากผลงานมากมายอย่าง Summer Wars / Wolf Children / The Girl Who Leapt Through Time / Bakemono no Ko และเรื่องล่าสุด Mirai โดยคราวนี้มาแนว Sci-Fi โลกเสมือนจริง เป็นการผสมกันระหว่างแนวบทเพลง ความรัก แอคชั่น สืบสวน การมีชีวิต และความตาย
ต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่อง “Summer Wars” นะครับ ถึงโครงเรื่องจะเป็นแนวโลกเสมือนจริงเหมือนกัน แต่โลกของเรื่องนี้เป็นโลกของ “U” ส่วน Summer Wars นั้นเป็นโลกของ “OZ” เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นออริจินัลเรื่องใหม่ของผู้กำกับมาโมรุ โฮโซดะเลยครับ แต่ก็ยังแอบใส่กิมมิคเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาให้หายคิดถึงอยู่บ้าง
เปิดเรื่องมาก็คล้ายๆ กับซัมเมอร์วอรส์เลยก็คือ การที่ตัวเรื่องนำเราเข้าไปสู่เรื่องราวโลกของ “U” โลกเสมือนจริงที่มีผู้คนใช้งานถึง 5 พันล้านบัญชีทั่วโลก พาเราไปเห็นถึงความงดงามอลังการของโลกเสมือนจริงนี้ และทำความมรู้จักกับเรื่องราวของโลกใบนี้ไล่ไปตั้งแต่โลกนี้คืออะไรไปจนถึงการสร้างตัวตนอีกตัวตนของเราขึ้นมาในโลกใบนี้ที่เรียกว่า “As” (เอาง่ายๆ ก็คือการสร้างร่างอวาตารภายในเกม) แต่สิ่งที่พิเศษภายในโลกของ “U” ก็คือ ตัว แอสที่ถูกสร้างจะดึงเอาความพิเศษที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเราเองออกมาอยู่ในโลกแห่งนี้ และสามารถสร้างได้แค่ตัวตนเดียวเท่านั้น
หลังจากแนะนำโลกของ “U” เสร็จ ตัวเรื่องจะพาเราไปทำความรู้จักกับตัวละครอย่าง “สึสึ” สาวน้อยที่สูญเสียจากคุณแม่จากอุบัติเหตุตั้งแต่สมัยเด็ก เลยกลายเป็นปมในใจที่ไม่สามารถทำสิ่งที่รักที่เคยทำร่วมกับคุณแม่ได้อย่างการ “ร้องเพลง” ได้อีกต่อไป จนกระทั่งเธอได้ก้าวมาสู่โลกของ “U” ที่ดึงความสามารถข้างในลึกๆ ของสึสึออกมา เธอจึงสามารถกลับมาร้องเพลงได้ดึงเดิมอีกครั้ง
การเล่าเรื่องก็เป็นไปตามสไลต์ของผู้กำกับโฮโซดะที่จะรู้ว่าจังหวะตรงไหนควรเร่ง หรือจังหวะตรงไหนควรเล่าช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งพอตอนเร่งก็เร่งมากจริงๆ ครับ บางจุดตรงไหนไม่สำคัญก็แทบจะข้ามไปเลยด้วยซ้ำ แต่ตรงไหนควรช้าซึ่งเป็นจังหวะดราม่าของตัวละคร ก็เล่าอย่างช้าๆ ค่อยๆ ขยี้ความรู้สึกของคนดูให้ซึมซับและจมลึกไปกับอารมณ์ของตัวละครที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างอยู่หมัด
ตัวเรื่องเล่าตัดสลับไปมาระหว่างโลกความเป็นจริงกับโลกของ “U” ซึ่งทั้งสองโลกต่างก็มีเสน่ห์ให้น่าติดตาม โลกความจริงเราจะสนุกสนานไปกับราวเรื่องชีวิตของสึสึและเพื่อนๆ ในรั้วโรงเรียน ส่วนในโรงของ “U” เราจะได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงที่ “เบลล์ เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง” ขับร้องออกมา และโลกที่เหนือจินตนาการมากมาย มันทั้งสวยงามอลังการและตื่นตาตื่นใจแบบไร้จุดสิ้นสุด
และการปรากฏตัวของ “ริว” ก็ทำให้ตัวเรื่องดำเนินไปอีกแบบ มันกลายเป็นแนวปริศนาบวกกับรักโรแมนติกที่เข้ากันได้อย่างลงตัว มีฉากแอคชั่นให้รู้สึกลุ้นและตื่นเต้นเร้าใจ ดูแล้วทำให้นึกถึงเรื่อง “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” ยังไงอย่างงั้นเลย ซึ่งต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้มีกลายอายความเป็นการ์ตูนดิสนีย์สูงมาก ทั้งงานภาพและโครงเรื่อง เพราะผู้กำกับโฮโซดะได้ทำงานร่วมกับทีมงานผู้สร้างแอนิเมชั่นเรื่อง “Frozen” ของดิสนีย์นั่นเองครับ
ตัวเรื่องพยายามจะเล่าสิ่งต่างๆ ที่มันค่อนข้างจะหลากหลายเรื่องราวและหลากหลายประเด็นเป็นอย่างมาก ทั้งด้านความรัก ครอบครัว มิตรภาพ ชีวิตและความตาย การเอาชนะปมในจิตใจตัวเอง การเหน็บแนมและเสียดสีด้านดีและด้านมืดของผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ต และตัวเรื่องสามารถนำประเด็นทั้งหหลายเหล่านี้จับมาผูกรวมกันและค่อนข้างจะลงตัวเลยทีเดียวครับ
งานภาพอย่างที่บอกไปว่าสวยงามและอลังการเป็นอย่างมาก มีงานภาพที่เป็น 3D ของพวกเจ้าหญิงดิสนีย์อยู่หน่อยๆ งานภาพมันละลานตาเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เราจับจุดโพกัสค่อนข้างยากลำบาก ถ้าไม่ใช่ฉากที่เน้นตัวละครหลักออกมา เพราะฉากมันยิ่งใหญ่และอลังการงานสร้างมากจริงๆ ครับ และสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “บทเพลง” ที่ตัวเรื่องได้ถ่ายทอดออกมา มันช่างไพเราะและน่าจดจำเป็นอย่างมาก มันสามารถทำให้เราร่องลอยและเคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองในแต่ละเพลง โดยเฉพาะบทเพลงในช่วงท้ายเล่นทำเอาขนลุกไปเลย มันเป็นบทเพลงที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ลึกซึ้งและทรงพลังเป็นอย่างมาก
ช่วงบทสรุปอารมณ์อาจจะดร็อปลงมาบ้าง เพราะเราอาจจะไม่เข้าใจการกระทำและการแสดงออกของตัวละครที่ทำลงไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับไม่เข้าใจเลยซะทีเดียว และอีกอย่างก็คือการเล่าข้ามถึงที่มาที่ไปในประเด็นบางอย่าง มันอาจจะดูเป็นประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ไม่สำคัญ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับการดำเนินเนื้อเรื่องหลักมากนัก แต่มันกลับทำให้รู้สึกค้างคาใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้าใส่เข้ามาด้วยก็อาจจะทำให้ตัวเรื่องสมบูรณ์มากกว่านี้อีกสักนิดครับ
สรุปพี่แว่นให้ 9.7/10 คะแนนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นของผู้กำกับ “มาโมรุ โฮโซดะ” ที่ยิ่งที่ทำออกมาก็ยิ่งยกระดับคุณภาพของผลงานตัวเองไปอีกขั้น ทั้งงานภาพ บทเพลงอันไพเราะ เนื้อเรื่องที่ยังคงซาบซึ้งกินใจ ทำให้คนดูรู้สึกสนุกและกลมกล่อม ไปกับผลงานที่ผู้กำกับรังสรรค์ออกมา เป็นแอนิเมชั่นที่พี่แว่นแนะนำว่าต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้นครับ เพราะเราจะได้ประสบการณ์อันเต็มอิ่มจากการดูภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ผู้กำกับ : Mamoru Hosoda
เขียนบท: Mamoru Hosoda
.
ขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดี M Pictuers และ Aniamte Bangkok ที่ให้การสนับสนุนรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ ❤️
บทความล่าสุด
Farmagia the animation [อนิเมะ / เรื่องย่อ / ข้อมูล / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
เรื่องราวของ เท็น เด็กผู้ชายที่อาศัยอยู่ในทวีป Avrion ตัวเขาเป็น ‘Farmagia’ ที่เป็นผู้เลี้ยงดูเหล่ามอนสเตอร์ที่กำเนิดจากเมล็ดพืช
I’m a Noble on the Brink of Ruin, So I Might as Well Try Mastering Magic [เรื่องย่อ / ข้อมูล / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
เลียม แฮมิลตัน ลูกชายคนเล็กของตระกูลขุนนาง เรียนรู้และฝึกฝนการใช้เวทมนตร์ และใช้เวลาทั้งวันในการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดอย่างมุ่งมั่น
Final Fantasy XIV Mobile เปิดตัวสำหรับ iOS และ Android [ข่าวเกม / ข้อมูลเบื้องต้น / Pre-registration]
ประกาศเปิดตัว Final Fantasy XIV Mobile สำหรับ iOS และ Android โดยจะมีคุณ Naoki Yoshida โปรดิวเซอร์และผู้กำกับ Final Fantasy XIV เป็นผู้ดูแล และจะมีการทดสอบให้เล่นในประเทศจีนเป็นที่แรก
วะวะวะวะแวมไพร์กับนายเวอร์จิ้น [เรื่องย่อ / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
แวมไพร์ที่มีอายุ 450 ปีชื่อ รันมารุ ซึ่งได้ทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงอาบน้ำสาธารณะอันเก่าแก่แห่งหนึ่ง ตัวเขาปรารถนาเลือดของสาวพรหมจารีวัยใน 18 ปีเต็ม
Fuguushoku “Kanteishi” ga Jitsu wa Saikyou Datta [เรื่องย่อ / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
ไอน์ ที่มีสายอาชีพเป็น ผู้ประเมินราคา อาชีพที่อ่อนแอ ถูกเรียกว่า “คนเก็บขยะ” แต่โชคชะตาได้เปลี่ยนไป เมื่อได้พบ ยูริ จิตวิญญาณแห่งต้นไม้โลก