เบริล การ์ดีนังต์ ชายวัยกลางคนที่เป็นนักดาบธรรมดาๆ ที่วันหนึ่งเขาได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้ฝึกสอนพิเศษให้กับทางเหล่ากองอัศวินในเมืองหลวง
รีวิว : มหาเวทย์ผนึกมาร : ซีโร่
𝐒𝐨𝐫𝐜𝐞𝐫𝐲 𝐅𝐢𝐠𝐡𝐭 𝟎
(Jujutsu Kaisen 0)
【เรื่องย่อ】
อกคทสึ ยูตะ เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่ต้องการประหารตัวเอง เขาทนทุกข์ทรมานกับริกะวิญญาณแค้นที่สิงตนเองอยู่ แล้วในตอนนั้นเองโกะโจ ซาโตรุครูของโรงเรียน “โรงเรียนเฉพาะทางไสยศาสตร์นครโตเกียว” โรงเรียนที่ร่ำเรียนการปัดเป่า “คำสาป” ก็จับเขาย้ายเข้าโรงเรียน…!?
ถ้าถามว่าใครที่ยังไม่เคยดูตัวซีรีส์ภาคหลักมาก่อน จะดูรู้เรื่องมั้ย ตอบเลยว่าดูรู้เรื่องแน่นอนครับ เพราะนี่เป็นเรื่องราวของเหล่ารุ่นพี่ของพวกอิตาโดริ ยูจิ ที่โรงเรียนไสยศาสตร์แห่งนครโตเกียว 1 ปีก่อน เป็นช่วงที่พวกเซนอิง มาคิ, แพนด้า, อินุมาคิ โทเงะ และ อกคทสึ ยูตะ ยังเพิ่งเป็นแค่นักเรียนปี 1 ของโรงเรียนไสยเวทย์นั่นเองครับ
แค่เปิดเรื่องมาก็ชวนเข้าโหมดดาร์กแล้ว เพราะมาถึงก็ทำเห็นว่าพลังคำสาปของตัวยูตะน่ากลัวเพียงใด แถมที่มาของพลังก็เป็นโศกนาฏกรรมที่ชวนให้รู้สึกเศร้าและหดหู่สะเทือนใจเป็นอย่างมาก จนเราแทบจะรู้สึกจิตตกตามตัวละครไปด้วย และที่สำคัญคือการดึงอารมณ์ของตัวนักพากย์ยิ่งทำให้เข้าถึงอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่หลังจากที่ยูตะยอมรับพลังคำสาปของตัวเองและเริ่มเรียนรู้ที่จะใช้มัน ก็เป็นการเข้าเรียนในโรงเรียนไสยเวทย์ อารมณ์ตรงนี้ก็เหมือนตอนยูจิเข้ามาโรงเรียนไสยเวทย์ใหม่ๆ เหมือนกัน สร้างมิตรภาพ เรียนรู้การใช้พลังของตัวเองไปเรื่อยๆ และการออกปฎิบัติภารกิจกำจัดวิญญาณคำสาปพร้อมกับเพื่อนอีก ซึ่งนอกจากจะได้เห็นที่มาที่ไปของยูตะแล้ว เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของยูตะกับพวกมาคิ, แพนด้า และโทเงะ
และผู้ใช้คำสาประดับพิเศษในภาคหลักที่มีส่วนในภาคนี้ ซึ่งก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับตัวยูตะ แล้วการดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็วและรวบรัด ทำให้เราเห็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของตัวยูตะ ทั้งฝีมือและการใช้พลังคำสาปที่เก่งขึ้น ทำให้เราเห็นฉากแอคชั่นต่อสู้ได้รวดเร็วอยู่เหมือนกัน และมันไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางพลัง แต่ยังเป็นการต่อสู้ทางตรรกะความคิดของตัวละครเหมือนสงครามประสาทบลัฟใส่กันไปมา
แต่สำหรับคนที่อ่านมังงะในภาคนี้มาแล้ว บอกเลยว่าการดำเนินเรื่องค่อนข้างถอดแบบออกมาจากมังงะเป๊ะๆ เลยละครับ แต่ที่ทำให้ตัวเรื่องในภาพยนตร์มันดูยืดได้ก็คือการใส่ฉากที่เป็นบรรยากาศต่างๆ ของเรื่องที่มันสวยจนเกินบรรยาย และฉากต่อสู้ที่คิดว่าในมังงะว่าเดือดแล้ว ในตัวมูฟวี่นี้เดือดกว่ามาก บวกกับเพลงประกอบที่ดึงอารมณ์ให้เร้าใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
แต่อย่างที่บอกว่าตัวเรื่องดำเนินตามมังงะมาเลยเป๊ะๆ ถึงการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วและรวบรัด มันก็เลยรู้สึกว่าเวลาที่ดูมันผ่านไปเร็วมากเช่นกัน แต่ยังดีที่เพิ่มเนื้อหามาเซอร์วิสที่ไม่มีอยู่ในมังงะมาเซอร์ไพรส์ในช่วงท้ายให้รู้สึกว้าวอยู่บ้าง
สรุปพี่แว่นให้ 9/10 คะแนน อาจจะดำเนินเรื่องตามมังงะเป๊ะๆ แต่ด้วยความสุดยอดของสตูดิโอ MAPPA ที่ทำออกมาแต่ละฉากที่ทั้งสวยทั้งอลังการ มันทำให้เรายังรู้สึกสนุกกับตัวเรื่องเป็นอย่างมาก แม้จะเคยอ่านมังงะมาแเล้วก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าใครที่เป็นแฟน “มหาเวทย์ผนึกมาร” ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
ผู้แต่ง : Gege Akutami
ผู้กำกับ : Park Sunghu
.
ขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดี Japan Anime Movie Thailand และ M Pictuers ที่ให้การสนับสนุนรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ ❤️
บทความล่าสุด
ปรมาจารย์ดาบชั้นเซียนมาตบเกรียนถึงเมืองกรุง [อนิเมะ / เรื่องย่อ / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
Sorairo Utility [อนิเมะ / เรื่องย่อ / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
เรื่องราวของ มินามิ อาโอบะ เด็กสาวมัธยมปลายผู้เเสนจะธรรมดาที่เริ่มสนใจในกีฬากอล์ฟ เพราะคิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการเป็นตัวเอกของเธอ
Farmagia the animation [อนิเมะ / เรื่องย่อ / ข้อมูล / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
เรื่องราวของ เท็น เด็กผู้ชายที่อาศัยอยู่ในทวีป Avrion ตัวเขาเป็น ‘Farmagia’ ที่เป็นผู้เลี้ยงดูเหล่ามอนสเตอร์ที่กำเนิดจากเมล็ดพืช
I’m a Noble on the Brink of Ruin, So I Might as Well Try Mastering Magic [เรื่องย่อ / ข้อมูล / ตัวละคร / ตัวอย่าง / วันฉาย]
เลียม แฮมิลตัน ลูกชายคนเล็กของตระกูลขุนนาง เรียนรู้และฝึกฝนการใช้เวทมนตร์ และใช้เวลาทั้งวันในการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดอย่างมุ่งมั่น
Final Fantasy XIV Mobile เปิดตัวสำหรับ iOS และ Android [ข่าวเกม / ข้อมูลเบื้องต้น / Pre-registration]
ประกาศเปิดตัว Final Fantasy XIV Mobile สำหรับ iOS และ Android โดยจะมีคุณ Naoki Yoshida โปรดิวเซอร์และผู้กำกับ Final Fantasy XIV เป็นผู้ดูแล และจะมีการทดสอบให้เล่นในประเทศจีนเป็นที่แรก