รีวิว: ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ
𝗔𝗻𝗼𝗵𝗮𝗻𝗮: 𝗧𝗵𝗲 𝗙𝗹𝗼𝘄𝗲𝗿 𝗪𝗲 𝗦𝗮𝘄 𝗧𝗵𝗮𝘁 𝗗𝗮𝘆
(Ano Hi Mita Hana no Namae wo Bokutachi wa Mada Shiranai)

เรื่องย่อ: เหล่าเพื่อนสมัยเด็กที่ในอดีตเคยสนิทกัน ทว่าเมื่อพวกเขาขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรกันต่างคนต่างก็กระจัดกระจายออกไปคนละทิศคนละทาง ไม่ว่าจะเป็น “จินตัน” ตัวเอกผู้ที่ชอบเก็บตัว “อันนารุ” ผู้ที่ชอบถูกเพื่อนสาวแกลชักจูงไปเรื่อย “ยูคิอัทสึ” และ “ซึรุโกะ” ที่อยู่ในโรงเรียนชื่อดัง “ป็อบโปะ” ที่ไม่เรียนต่อมัธยมปลายแต่เลือกที่จะออกเดินทาง และ “เมมมะ” เพื่อนสมัยเด็กอีกคนที่เคยสนิทกันในสมัยประถม แต่แม้ทุกคนจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่มีเธอเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนไปเลย ในวันหนึ่ง เมมมะได้ขอร้องจินตันให้ช่วยทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริง จินตันจึงได้เริ่มตามหาความปรารถนาของเมมมะ ความปรารถนาของเมมมะได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนสมัยเด็กแต่ละคนซึ่งใช้ชีวิตแตกต่างกันต้องมารวมตัวกันอีกครั้ง

อนิเมะเรียกน้ำตาในตำนานที่ว่าด้วยเรื่องราวความรัก มิตรภาพ และความทรงจำของกลุ่มเพื่อนสมัยเด็กที่แยกทางชีวิตกันไป แต่เพราะต้องการทำความปรารถนาของเพื่อนสมัยเด็กให้เป็นให้จงได้ จึงได้กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง

ในช่วงแรกเรื่องราวจะนำพาไปทำความรู้จักกับตัวละครอย่าง “จิตัน” เด็กหนุ่มผู้ชอบเก็บตัวและเพื่อนสมัยเด็กอย่าง “เมมมะ” ที่ต้องการทำความปรารถนาบางอย่างให้เป็นจริง แต่มิอาจรู้ว่าความปรารถนาคืออะไร? จึงเริ่มออกค้นหาคำตอบกับกลุ่มเพื่อนสมัยเด็กที่แยกย้ายกันออกไป ในช่วงนี้จะดำเนินด้วยบรรยายกาศน่ารักและสนุกสนานของเมมมะ ที่ไม่ทำให้ตัวเรื่องมันดูเครียดจนเกินไป

แต่ทว่าการหาคำตอบมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะอดีตอันแสนเจ็บปวดบางอย่างที่ทำให้กลุ่มเพื่อนสมัยเด็กได้แยกย้ายกันออกไป เรื่องราวความสัมพันธ์และความรักที่มันซับซ้อนระหว่างเพื่อนแต่ละคน กลายเป็นความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดและชวนให้อึดอัดใจ และปมในใจของแต่ละตัวคนมันก็ทำให้เรื่องราวมันน่าค้นหาอยู่เหมือนกัน

บอกตรงๆ เลยว่าในช่วงแรกเราอาจจะรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำบางอย่างของตัวละคร เพราะเรายังไม่รู้ถึงสาเหตุของเรื่องราวที่ทำให้ตัวละครมีแผลใจได้อย่างไร ซึ่งตัวเรื่องก็ค่อยๆ เฉลยเรื่องราวของตัวเองไปอย่างช้าๆ จนเราเริ่มเข้าใจจิตใจของตัวละครมากขึ้นเรื่อยๆ การจมและยังคงยึดติดอยู่กับอดีตอันแสนเจ็บปวดที่ไม่อาจก้าวข้ามมันไปได้ ซึ่งมันคงยังทำร้ายตัวเองที่ไม่อาจหลุดพ้นกับอดีตนี้ไป…ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

แต่ทว่ากลุ่มเพื่อนก็เริ่มจะทำความปรารถนาของเมมมะให้เป็นจริง การรวมกลุ่มกันอีกครั้งที่อาจจะยังไม่ราบรื่นเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้กลุ่มเพื่อนกลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่ว่าความสัมพันธ์ก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดทุกสิ่งที่อย่างที่ทิ้งปมเอาไว้ในช่วงแรกมันได้เฉลยออกมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เรื่องราวในอดีต หรือความปรารถนาที่แท้จริงของเมมมะ แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ยังรู้สึกคาใจที่ตัวเรื่องไม่ได้เล่าออกมา

และในท้ายที่สุดเหตุการณ์ที่บีบบังคับตัวละคร ทำให้อารมณ์ของตัวละครมันพรั่งพรูออกมา น้ำตามันเริ่มที่จะคลอเบ้า และด้วยอิมแพคของเหล่าตัวละครก็ที่ช่วยขยี้ความรู้สึกของคนดูมากขึ้นไป น้ำตาก็ซึมออกมาอย่างช้าๆ รับรู้ได้ถึงความสวยงามของ มิตรภาพ ความรัก และความทรงจำที่จะยังคงอยู่ในใจตลอดไป

สรุปพี่แว่นให้ 9.5/10 คะแนนครับ สมกับเป็นการ์ตูนดราม่าเรียกน้ำตาในตำนานของเจ๊มาริ โอคาดะ เจ้าแม่แห่งการปวดตับ ช่วงแรกอาจดำเนินเรื่องได้อย่างน่ารักและสนุกสาน แต่ก็ตบท้ายด้วยดราม่าบ่อน้ำตาแตก และสิ่งสำคัญที่เสริมให้เรามีรู้สึกร่วมมากขึ้นไปอีกก็คือดนตรีประกอบไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดหรือเพลงปิดก็ตาม เป็นอีกการ์ตูนที่สร้างความประทับใจจนรู้สึกเสียดายมากว่าทำไมเพิ่งได้มาดูเอาป่านนี้ ใครที่ยังรู้สึกลังเลอยู่ ขอบอกเลยครับว่าดูเถอะครับ แล้วคุณจะไม่เสียดายเวลาและน้ำตาที่เสียไปเลย

แนว : Coming of Age / Drama / Supernatural
ผู้แต่ง : Mari Okada
ผู้กำกับ : Tatsuyuki Nagai
จำนวน : 11 ตอน

สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Muse Thailand
(จำกัดเวลาถึง 31 ธันวาคม 2021)

#Anohana #TheFlowerWeSawThatDay #อาโนฮานะ #ดอกไม้มิตรภาพและความทรงจำ #BilibiliThailand #MuseThailand#BilibiliTH

รีวิว: สตรีศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์สารพัดอย่าง
𝐓𝐡𝐞 𝐒𝐚𝐢𝐧𝐭’𝐬 𝐌𝐚𝐠𝐢𝐜 𝐏𝐨𝐰𝐞𝐫 𝐈𝐬 𝐎𝐦𝐧𝐢𝐩𝐨𝐭𝐞𝐧𝐭
(Seijo no Maryoku wa Bannou Desu)

เรื่องย่อ: เซย์ สาวออฟฟิศวัยยี่สิบกว่าที่บ้างานชนิดๆ ถูกอัญเชิญไปยังต่างโลกหลังเสร็จจากทำโอที… แต่ทั้งที่เรียกชาวบ้านเขามาเองแท้ๆ พอเห็นหน้าปุ๊บเจ้าชายดันบอกว่า “สารรูปอย่างนี้ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์หรอก” แล้วลอยแพกันซะงั้น!?

เซย์ออกจากวังและเริ่มทำงานเป็นนักวิจัยโดยปิดบังว่าตนคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อปรุงโพชั่น ทำเครื่องสำอาง และช่วยทำ “ความหวัง” ของทุกคนให้เป็นจริงด้วยพลังเวทอันผิดมนุษย์มนาไปเรื่อยๆ นับวันตัวจริงของเธอก็เริ่มปิดไม่อยู่…

อีกหนึ่งการ์ตูนแนวแฟนตาซีต่างโลก ซึ่งปกติเราจะไม่ค่อยได้เห็นการ์ตูนที่เป็นผู้หญิงได้ไปต่างโลกสักเท่าไหร่นัก การดำเนินเรื่องในแรกช่วงค่อนข้างจะตะลึงไปพร้อมกับตัวละครอยู่พอสมควร ทั้งๆ ที่นางถูกอัญเชิญมาต่างโลกที่ไหนก็ไม่รู้ กลับถูกมองข้ามเพียงเพราะหน้าตาไม่สละสลวยเหมือนกับผู้หญิงอีกคนที่ถูกอัญเชิญมาพร้อมกัน แต่ในเมื่อถูกอัญเชิญมาแล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ จะกลับโลกเดิมก็กลับไม่ได้ จะอยู่แค่ในวังก็น่าเบื่อเกิน งั้นก็ลองหาสิ่งที่ตัวเองทำได้ในโลกใหม่นี้ดู จนได้มานั่งทำยา(โพชั่น)ที่สถานีวิจัยสมุนไพรนอกวังไปวันๆ

การทำสมุนไพรหรือเรื่องของเวทย์มนตร์ไม่ค่อยซับซ้อนอย่างที่คิด แต่เรื่องสมุนไพรแทนที่จะเป็นพวกพืชผักที่เราคุ้นเคย แต่เปลี่ยนเป็นพวกดอกไม้ที่มีพลังเวทย์อยู่ข้างในแทน อันนี้ก็เป็นไอเดียที่ค่อนข้างเรียบง่ายแต่สร้างสรรค์ดีครับ แล้วหลังจากนั้นเซย์ก็ค่อยๆ เรียนรู้พลังที่ซ่อนอยู่ในตัว

แต่ทว่าพลังที่ซ่อนอยู่ข้างในกลับแกร่งกล้าขึ้นทุกวัน และผลจากพลังก็เริ่มทำให้หน้าตาดีขึ้น เริ่มมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาหามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอนแรกคงเป็นแนวโอโตเมะเกมฮาเร็มที่ตัวละครสาวมีหนุ่มๆ เข้ามาจีบ ให้เรามานั่งลุ้นว่า ตัวนางเอกจะเลือกใคร แต่พอดำเนินเรื่องไปสักพักตัวเรื่องมันปักธงแบบชัดเจนเลยว่าเรือนี้ไม่ให้ใครแซงอย่างแน่นอน

และจากการที่โดนนางโดนเมินในช่วงแรกแต่ว่าพลังเริ่มแกร่งกล้าขึ้น สวนทางกับหญิงสาวอีกคนที่ไม่ใช่ “สตรีศักดิ์สิทธิ์” ที่แท้จริง มันจึงกลายเป็นออกแนวเกมการเมืองอยู่หน่อยๆ ซึ่งตอนแรกบอกได้คำเดียวว่าค่อนข้างที่จะหงุดหงิดและหมั่นไส้การกระทำของตัวองค์ชายเป็นอย่างมาก แต่ตัวเรื่องก็เฉลยเหตุผลและการกระทำในตัวเจ้าชายมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกหมั่นไส้อยู่ดี 5555+

แต่หลังจากนั้นก็บอกตรงๆ เลยว่าตัวเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมากนัก อาจจะความลับพลังในอดีตของตัว “สตรีศักดิ์สิทธิ์” และนอกจากนั้นจะเป็นการใช้พลังโชว์ปาฏิหาริย์ไปเรื่อยๆ ของตัวเซย์ แล้วก็โมเม้นท์หวานๆ ของตัวละครไปเรื่อยๆ แต่แค่นี้ก็ฟินจนจะละลายแทนเซย์อยู่แล้ว 5555+ ถึงจะรู้สึกเซ็งกับการรุกแบบไม่มีชั้นเชิงของท่านฮอว์ค แต่เพราะแบบนั้นมันก็ทำให้ทั้งเซย์ทั้งคนดูยอมใจอ่อนไปกับความตรงไปตรงมาของท่านฮอว์คซามะจนหมดใจเลยล่ะครับ ยิ่งเป็นเหตุผลในการใช้พลังของเซย์ด้วยแล้ว บอกเลยว่าคงต้องนอนลงดิ้นกอดหมอนกับไปตามๆ กันเลยล่ะครับ

สรุปพี่แว่นให้ 8.5/10 คะแนนครับ งานภาพสวย ดนตรีประกอบก็ไพเราะ ถึงจะเป็นการ์ตูนแนวต่างโลกที่ให้อารมณ์แบบเกมจีบหนุ่ม แต่การปักธงตัวละครแบบไม่ให้ใครแซง เลยทำให้มีโมเม้นท์หวานๆ ทำเอาใจละทวยไปพร้อมกับตัวละครเลยทีเดียว ถึงช่วงแรกจะออกแนวการเมืองหน่อยๆ ตัวละครค่อนข้างน่ารำคาญนิดๆ แต่ช่วงหลังมีแค่การโชว์พลังกับโมเม้นท์หวานๆ อย่างเดียว แต่แค่นี้ก็ฟินได้ใจคนดูแล้วล่ะครับ

แนว : Romance / Fantasy
ผู้แต่ง : Yuka Tachibana
ผู้กำกับ : Shōta Ihata
จำนวน : 12 ตอน

สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Muse Thailand

#Seijyonomaryoku #สตรีศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์สารพัดอย่าง #PhoenixNext #MuseThailand #BilibiliTH

รีวิว: อาคุดามะ ไดรฟ์
Akudama Drive

เรื่องย่อ: เมื่อครั้งอดีตกาล เกิดสงครามระหว่างฝั่งคันโตกับคันไซ ทำให้โลกแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย คันไซต้องมาอยู่ภายใต้อาณัติของคันโต ก่อให้เกิดการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างโดดเด่น ทว่าสภาพการเมืองกับความปลอดภัยกลับเสื่อมถอย เกิดอาชญากรรมขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งอาชญากรเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า อาคุดามะ

     เวทีของเรื่องนี้คือโลกที่แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าแต่สภาพสังคมกลับบิดเบี้ยว ท่ามกลางสภาพสังคมเช่นนั้น เหล่าอาคุดามะจะพยายามใช้ชีวิตในแบบของตัวเองอย่างไรกันแน่ และอุดมคติของเหล่าอาคุดามะที่มาพนเจอก็จะเข้าปะทะซึ่งกันและกัน

การ์ตูนแนวแอคชั่นไฟไซแบบไซเบอร์พังค์ หรือก็คือโลกที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำไฮเทคแบบก้าวกระโดด แต่คุณภาพชีวิตและสภาพของสังคมกลับเสื่อมถอยลงสวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น ผู้คนต่างดิ้นร้นกระเสือกกระสนให้ตัวเองมีชีวิตรอด จนบางครั้งก็ก่อให้เกิดเหล่าอาชญากรรมขึ้นมาต่างๆ มากมาย

เปิดเรื่องมานึกว่า Cyberpunk 2077 ทั้งฉาก ทั้งพล็อตเรื่อง เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกันอย่างไงอย่างงั้น เหล่าอาชญกรรมคนเถื่อนในโลกไฮเทค ต้องมาทำงานร่วมกันเพื่อภารกิจบางอย่าง (แต่อนิเมะเรื่องนี้ฉายออกมาก่อนนะ) ซึ่งเหล่าอาชญากรรมก็มีความสามารถ ความถนัดแตกต่างกันออกไปถึง 7 คนด้วยกัน ถึงบางคนจะถูกดึงมาเพราะความซวยของตัวเองจากเหรียญ 500 เยน

การเกริ่นนำเรื่องด้วยการพูดถึงเหล่าตัวละครที่เป็นอาคุดามะว่าเป็นใครบ้าง มีความสามารถอะไร แล้วได้มาทำภารกิจร่วมกันได้อย่างไร เป็นฉากแอคชั่นเปิดตัวกันแบบวินาศสันตะโรแบบโอเวอร์กันไปเลย เมื่อทั้ง 7 คนได้มารวมตัวกัน แล้วต้องทำภารกิจร่วมกันแบบคาดไม่ถึง มันก็เริ่มรู้สึกมีความน่าสนุกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละตอน

ตัวละครต่างๆ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและค่อนข้างจะสุดโต่งเป็นอย่างมาก แล้วก็รู้สึกความสามารถก็โอเวอร์เกินมนุษย์เป็นอย่างมาก มันก็เลยรู้สึกแต่ละคนภายในทีมต่างก็สร้างสีสันความสนุกแตกต่างกันออกไป ตัวละครบางคนแรกๆ เหมือนจะดูน่ารำคาญแต่สุดท้ายก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ซึ่งตัวละครแต่ละคนจะค่อยๆ เผยเสน่ห์ของแต่ละคนออกมาทีละนิด ทำให้รู้สึกว่าตัวละครแต่ละคนมีส่วนสำคัญกับเรื่องราวมากน้อยเพียงใด

นอกจากส่วนของอาคุดะมะแล้ว ยังมีหน่วยประหารหรือหน่วยตำรวจที่คอยตามสังหารเหล่าอาคุดามะอยู่ มันเหมือนอาจจะเป็นอนิเมะแนวแอคชั่นไล่ล่าแบบทั่วๆ ไป แต่ฉากแอคชั่นก็มีความสนุกตื่นเต้น สู้กันแบบดุเดือดถึงพริกถึงขิง แล้วจะค่อยๆ เดือดมากยิ่งขึ้นในแต่ละตอน ตรงนี้บอกเลยว่าค่อนข้างบันเทิงถูกใจคอแอคชั่นเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ

พอดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ จะมีการหักมุมเซอร์ไพรส์ให้ตกใจและตื่นเต้นได้ตลอดเวลา หักมุมแล้วหักมุมอีก แล้วจะค่อยๆ เผยปมที่มาที่ไปของเรื่องราวระหว่างเมืองคันโตและคันไซที่เคยก่อนสงครามกันมาก่อน และมันจะมีช่วงที่อธิบายเรื่องราวเหมือนผ่านรายการคั่นเวลา ซึ่งตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะใส่มาให้มันตัดอารมณ์ของเรื่องทำไม แต่พอดูไปเรื่อยๆ มันก็มีเหตุและผลแบบคาดไม่ถึง

เรื่องนี้เริ่มเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีปรัชญาแฝงภายในเรื่อง แต่ไม่ถึงกับซับซ้อนมากเกินไปยังพอเข้าถึงได้อยู่บ้าง แต่ที่น่าสนใจก็คือระบบของสังคมที่ถูกแบ่งแยกระหว่างคันโตและคันไซ กลุ่มของอาคุดามะและหน่วยประหาร ชั้นชนปกครองที่เปลี่ยนจากผิดเป็นถูก กลายเป็นความขัดแย้งของประชาชนและชนชั้นปกครอง

และสิ่งที่ชอบก็คือบทสรุปของแต่ละตัวละครที่มันทำให้เข้าถึงอารมณ์ได้อย่างง่ายดาย ตัวละครที่เลวร้ายก็มีบทสรุปให้ได้รู้สึกแบบสะใจสุดๆ ส่วนตัวละครที่ดีก็มีบทสรุปที่น่าเศร้า แต่ก็รู้สึกเป็นบทสรุปที่จบได้อย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี และมันก็บ่งบอกถึงวิถีความคิดแต่ละตัวละครนั้นๆ อีกด้วย

แต่น่าเสียดายที่ตอนสุดท้ายในเวอร์ชั่นทีวีมีเนื้อหาที่ถูกตัดออกไปประมาณ 5 นาทีครับ เพราะมันทำให้เกินเวลาออกอากาศ จึงทำให้ทีมงานต้องมาตัดต่อใหม่จนสมบูรณ์ในเวอร์ชั่นแผ่นบลูเรย์ไม่อย่างนั้นคงได้เข้าใจอะไรต่างๆ ได้มากขึ้นอีกสักนิดก็ยังดีหรืออาจจะจบแบบสมบูรณ์มากกว่านี้อีกครับ

สรุปพี่แว่นให้ 8.5/10 คะแนนครับ เป็นการ์ตูนแนวแอคชั่นไซเบอร์พังค์ที่งานภาพค่อนข้างจะมีสีสันแบบคัลเลอร์ฟลู ไม่ใช่โทนมืดๆ หม่นๆ ที่ชอบใช้ในแนวเรื่องเดียวกัน ส่วนฉากแอคชั่นก็ถึงใจใส่กันแบบไม่ยั้ง พล็อตเรื่องค่อนข้างรวมองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นทางเทคโนโลยี ความเชื่อ การเมืองการปกครอง ความเป็นมนุษย์ และแนวปรัญชาความคิดระหว่างยูโทเปียและดิสโทเปียออกมาได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียวครับ

แแนว : Action / Crime / Sci-Fi
ผู้แต่ง : Rokurou Oogaki
ผู้กำกับ : Tomohisa Taguchi
จำนวน : 12 ตอน

สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Muse Thailand

#AkudamaDrive #MuseThailand